"..บุคคลที่นับได้ว่ามีสิ่งต่างๆมากกว่าผู้อื่น สมควรที่จะเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่หรือแบ่งปันแก่ผู้ไม่มีอย่างพอเหมาะพอสม และตนเองไม่เดือดร้อน ส่วนผู้ที่ไม่มีก็ควรพยายาม ไม่ควรรอคอยแต่ความช่วยเหลือ หรือ คิดว่าตัวเองไม่มีความสามารถ หากช่วยเหลือกันดังนี้แล้วบ้านเมืองก็จะสงบสุข.."
พระราชดำรัส เนื่องในวโรกาสให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นำองคมนตรีและภริยาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเป็นการส่วนพระองค์
ณ ห้องประชุมชั้น ๑๔ อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช
วันที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๓
พระองค์ท่านทรงเตือนสติให้ บุคคลที่มีสิ่งต่างๆมากกว่าคนอื่น รู้จักที่จะเอื้อเฟื้อและแบ่งปัน หรือให้ แก่ผู้อื่น โดยเน้นความพอเหมาะพอควร ไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนจะขาดหายไปในสังคมไทยในยุคบริโภคนิยม จนทำให้ปัญหาความเหลื่อมล้ำขยายกว้างขึ้นทุกทีจนกลายเป็นชนวนที่นำไปสู่ปัญหาความขัดแย้งทางสังคมของไทยในช่วงที่ผ่านมา ส่วนคนที่ไม่มีก็ควรพยายามขวนขวายดิ้นรนแสวงหามากกว่าจะรอคอยแต่ความช่วยเหลือ หรือเอาแต่ฟูมฟายคิดว่าตัวเองไม่มีความสามารถ
การตั้งตัวเองยึดมั่นแต่ในสิ่งที่มีหรืออยากมีนั้นคือ ความโลภ หาใช่ความสุขที่แท้จริงไม่ เพราะคิดแต่อยากจะมีให้มากๆ ยิ่งๆ ขึ้นไป ย่อมต้องเบียดเบียนผู้อื่น และกลัวว่าจะสูญเสียในสิ่งที่ตนเองกำลังมีอยู่ ความสุขที่แท้จริงนั้นเกิดจากการให้ การแบ่งปัน การช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนหรือไม่มีโอกาส เมื่อทำได้อย่างนี้สังคมก็จะเกิดความสมดุลและสงบสุขสืบไป
ความสุขคือการให้ความเอื้อเฟื้อและแบ่งปัน....
ตอบลบ