"..ข้าพเจ้ายินดีที่ได้ฟังท่านผู้เป็นผู้พิพากษาศาลปกครอง ซึ่งได้ทำการปฏิญาณตนว่า จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อความร่มเย็นของประเทศชาติ การจะปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตนั้นสำคัญ เพราะว่าประชาชนต้องการความซื่อสัตย์สุจริต แล้วก็ถ้ามีผู้ที่ปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตนั้น ก็ทำให้สบายใจ และสามารถที่จะปฏิบัติงานต่างๆ ของประชาชนได้โดยดี ท่านก็จะต้องปฏิบัติงานอย่างซื่อสัตย์สุจริตดังกล่าวนี้ เพื่อความอยู่เย็นเป็นสุขของประเทศชาติ
ท่านมีจำนวนไม่มากนัก แต่ว่าก็นับว่าเป็นจำนวนที่สำคัญ เพราะว่าท่านมีความรู้ ท่านสามารถที่จะแสดงความรู้นี้และทำให้ประชาชนดูผู้ที่ปฏิบัติดีเป็นตัวอย่าง ในเวลาเดียวกัน ท่านก็เป็นตัวอย่างกับผู้ที่ทำหน้าที่ต่อไปด้วย ฉะนั้นที่ท่านได้ปฏิญาณตนเป็นสิ่งที่สำคัญ และต้องปฏิบัติตามที่ท่านปฏิญาณ ถ้าไม่ได้ปฏิบัติตามที่ท่านปฏิญาณ ก็ทำให้คนเขาเสียใจ คนเขาผิดหวัง ถ้าคนผิดหวัง เป็นอันตรายมากสำหรับการปกครองประเทศและความเป็นอยู่ของประเทศ ก็ขอให้ท่านได้ปฏิบัติตามหน้าที่ที่ได้ตั้งเอาไว้แก่ตัว เพื่อที่จะให้เป็นตัวอย่าง เพื่อที่จะให้ทุกคนมองว่า มีผู้ปฏิบัติตัวด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเป็นธรรมดา
คำว่าเป็นธรรมดานี้สำคัญ เพราะแสดงว่าท่านทำความซื่อสัตย์สุจริตเป็นสิ่งที่เป็นธรรมดา สำหรับผู้ที่มีหน้าที่ทำให้ผู้ที่เป็นประชาชนทั่วๆ ไปก็จะได้ทำงานอะไรด้วยความซื่อสัตย์สุจริตถือว่าเป็นหน้าที่เหมือนกัน ก็ขอให้ท่านเข้าใจที่พูดนี้ว่าสำคัญแค่ไหน ถ้าท่านเข้าใจและปฏิบัติ ท่านจะเป็นผู้ที่ได้ช่วยประเทศชาติอย่างดี ได้ทำหน้าที่สำหรับเป็นตัวอย่าง ทำหน้าที่สำหรับเป็นผู้ที่เรียกว่าคนดี แล้วก็ได้ทำหน้าที่ด้วยความดี เพื่อที่จะมีคนที่ดี ท่านมีจำนวนไม่มาก แต่ว่าผู้ที่ได้เห็น ได้ทำตาม มีจำนวนเป็นหลายร้อยหลายพัน เป็นหลายหมื่นแล้วก็ถ้าทุกคนทำตาม ทำหน้าที่ตามวิธีที่ท่านทำนั้น บ้านเมืองก็อยู่รอดได้ไม่มีปัญหา.."
พระราชดำรัสในโอกาสที่ประธานศาลปกครองสูงสุดนำตุลาการศาลปกครองชั้นต้น เข้าเฝ้า ฯ เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่
ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล
วันจันทร์ ที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๑
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น